อากาศร้อนแบบนี้ คนธรรมดาอย่างเราๆ ที่สามารถหนีเข้าห้องแอร์ หรือหาเครื่องดื่มเพิ่มความสดชื่นได้ ยังรู้สึกเหนื่อยหน่ายและเพลียกับอุณหภูมิที่สูงปรี๊ดกันเลย แล้วต้นไม้ล่ะ… จะรู้สึกร้อนและเพลียเช่นเดียกับเราไหม
ต้นไม้บางชนิดที่ไม่ทนความร้อนและแสงแดดอาจจะแห้ง เหี่ยวเฉา จนในที่สุดก็ล้มตายจากไป สร้างความเสียหายแก่สวนอันเป็นที่รักของคุณได้ จะดีแค่ไหนถ้าสวนของคุณสามารถออกดอก ผลิใบ ได้สวยสดทุกฤดูกาล ครั้งนี้ “บ้านและสวน” ได้รวบรวมพรรณไม้ที่เหมาะกับสภาพอากาศของประเทศไทย ซึ่งทนร้อน ทนแดดได้ และไม่ตายง่ายๆมาฝากกันค่ะ
*ไม้ทน*
เป็นต้นไม้ที่แข็งแรงทนทาน เลี้ยงง่าย เพราะขึ้นได้ในทุกสภาพอากาศ ไม่จำเป็นต้องเอาใจใส่ดูแลมากนัก ปลูกเป็นไม้ริมรั้ว ริมถนน หรือปลูกตามขอบสนาม ทำเป็นแปลง ปลูกลงกระบะหน้าบ้าน ตลอดจนไม้กระถางได้ดี
1. โมก ไม้พุ่มยืนต้นที่ตัดแต่งทรงได้ มีดอกสีขาวหอมขนาดเล็ก ก้านดอกเล็กเรียวอ่อนห้อยย้อยเป็นพวง ชนิดกลีบชั้นเดียวเรียก “โมกลา” และกลีบหลายชั้นเรียก “โมกซ้อน” โมกลามีทรงลำต้นคดเคี้ยวสวยมาก โดยเฉพาะต้นที่มีอายุนานหลายปี โมกซ้อนมีทรงต้นเป็นพุ่มแน่น ปลูกเป็นแนวริมกำแพง โมกเป็นไม้พื้นเมืองของบ้านเรา ชอบขึ้นตามริมน้ำ ลำคลอง จึงอยู่ได้ในที่แล้งยามน้ำลดและทนน้ำท่วมขังได้นาน นอกจากปลูกในสวนกลางแดดจัด ริมบ่อ หรือชายน้ำแล้ว ยังทำเป็นไม้กระถางประดับ หรือปลูกในอ่างเติมน้ำหล่อโคนสัก 5 เซนติเมตรได้ด้วย แต่ควรให้ได้แสงเต็มที่ บางท่านปลูกลงดินใต้ชายคา ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ โมกก็ยังอยู่ได้ทนทาน
2.เฟื่องฟ้า เป็นไม้รอเลื้อยที่พาดกิ่งก้านเรือนยอดกับรั้วกำแพงหรืออาคารได้ดี พบขึ้นเกาะอาคารสูง 4-5 ชั้น ผลิดอกพรู เนื่องจากมีหนามตามกิ่งช่วยในการพาดพัน แม้เฟื่องฟ้าจะมีถิ่นกำเนิดจากต่างประเทศแต่งอกงามได้ดีในบ้านเรา เฟื่องฟ้าทนแล้งได้ดี การงดให้น้ำเป็นช่วงจะทำให้ใบร่วงจากนั้นจะผลิดอกพรูทั้งต้น เป็นไม้ที่ขึ้นได้ในดินทราย ชอบแสงจัด ปลูกในสวนแถบชายทะเลได้ ถ้าไม่เน้นสีของช่อดอกมากนัก ดินชุ่มชื้นทั่วไปทำให้เกิดใบเขียวสะพรั่งได้ร่มเงา
3.วาสนา มีโครงต้นสวยและพุ่มใบงาม บางชนิดใบด่างเป็นลายเส้น เช่น ขาวเขียว เหลืองเขียว ยิ่งอายุมากยิ่งขึ้นเป็นกลุ่มกองดงาม สูงได้ถึง 10 เมตร ปัจจุบันเป็นไม้สงวน ห้ามนำออกมาจากป่าเขา ในท้องตลาดจึงมีเฉพาะลูกไม้ที่เพาะเลี้ยงเอง วาสนาผลิดอกเป็นช่อใหญ่ ส่งกลิ่นหอมแรง เหมาะจะปลูกในสวนหิน ปลูกเป็นจุดเด่นในสวน ทำไม้กระถาง ทนแล้งได้ดี แต่ก็อยู่ได้ในดินชุ่มชื้น ชอบแสงแดดจัด แต่ปรับตัวอยู่ในแสงรำไรได้ บางท่านตัดลำต้นเป็นท่อนสั้นๆ วางแช่น้ำตื้นๆ จะแตกตายอดเกิดช่อใบ วางประดับในห้องได้
4.ผกากรอง เป็นไม้พุ่มเตี้ยที่ปลูกเป็นแปลงคลุมดิน แทรกก้อนหิน หรือทำเป็นไม้กระถางแขวน ตัดแต่งได้ดี ผกากรองพื้นเมืองดอกสีส้มสดมักพบขึ้นแถบเชิงเขาหิน ดินทรายแล้ง มีหลากสีตั้งแต่ขาว นวล ชมพูอ่อนจนถึงแจ๊ด เหลืองนวล เหลืองสด บางพันธุ์มีสีสลับกลางดอกและขอบดอก ทุกชนิดเลี้ยงง่าย แม้อยู่ในดินแล้งแสงจัดก็ยังผลิดอก ถ้าปลูกในดินร่วนชุ่มชื้นจะเกิดช่อดอกไม่ขาด ผกากรองไม่มีศัตรูพวกหนอน แมลง หรือโรคต่างๆมากนัก เพราะกลิ่นฉุนทุกส่วน และดอกช่วยป้องกันศัตรูพืชได้ดี
5.อากาเว่ เป็นพันธุ์ไม้จากต่างประเทศที่ปรับตัวเข้ากับภูมิอากาศบ้านเราได้ดี มีมากมายหลายชนิด อากาเว่เป็นไม้ทนแล้ง ขึ้นได้ดีในดินทรายแดดจัด บางต้นงอกงามอยู่ตามริมถนนและที่รกร้าง ไม่มีการดูแลรดน้ำ แต่ก็ยังเติบโตได้ดีและมีอายุนานปี ขอบใบอากาเว่มักมีหนามแหลมและปลายใบคมแข็งเหมือนเข็ม การปลูกริมรั้วหรือกำแพงทั้งด้านนอกและด้านในช่วยป้องกันการบุกรุกได้ดีมาก ปลูกอากาเว่ในสวนหิน สวนทะเลทรายกับไม้อวบน้ำอื่นๆ ตั้งเป็นไม้กระถางประดับ หรือสวนโมเดิร์นก็ดูเรียบเก๋ดี
*หญ้าและต้นไม้ลักษณะคล้ายหญ้า*
ลักษณะเส้นสายของใบและช่อดอกตลอดจนการเติบโตไม่ยาก ทำให้หญ้าต่างๆ ไผ่หลายชนิดซึ่งอยู่ในตระกูลหญ้า รวมถึงพันธุ์ไม้ที่มีความคล้ายคลึง เช่น กกต่างๆ เป็นที่นิยมของสวนในบ้านเรา โดยเฉพาะสวนสไตล์เมดิเตอเรเนียน สวนโมเดิร์น สวนหิน และยังเหมาะกับการปลูกเป็นแนว แถว หรือแปลงตามริมรั้ว ปลูกล้อมแท่นตั้งประติมากรรมหรือน้ำพุ ปลูกแทรกก้อนหิน โขดหิน พันธุ์ที่น่าสนใจมีดังนี้
6.หญ้าน้ำพุ(Fountain Grass)มีช่อดอกทรงหางกระรอก สีใบเขียวอ่อนอมฟ้าสวยงาม ใบยาว 50-80 เซนติเมตร เรียวเล็กคล้ายเส้นผม ช่อดอกทรงหางกระรอกฟูขาว ผลิดอกบ่อยกว่าหญ้าแดง ออกเป็นชุดๆ ค่อนข้างต่อเนื่อง ชอบแสงแดด 5-6 ชั่วโมงขึ้นไป ถ้าร่มไปกอจะแบะ ใบพับอ่อน ชอบดินชุ่มชื้น ควรตัดแต่งทุก 4-5 เดือน มิฉะนั้น กอจะไม่ตั้งสวย
7.หญ้าด่างออสเตรเลีย(Australian Grass) ลักษณะกอค่อนข้างเตี้ยและฟู ชอบแสงจัด 4-5 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น และหากตัดแต่งทุก 6-8 เดือน ใบยาว 30-60 เซนติเมตร แต่ถ้าเลี้ยงในแสงรำไร ใบยาวได้มากกว่า 50-60 เซนติเมตร แต่ทรงต้นยังไม่ล้ม เป็นหญ้าทนแล้ง ไม่ชอบอากาศชื้นจัด หลีกเลี่ยงการปลูกใกล้น้ำตก หรือขอบบ่อ
8.หญ้าริบบิ้น(White Ribbon Grass) ลักษณะคล้ายหญ้าด่างออสเตรเลีย แต่ใบกว้างกว่าและยาว 50-80 เซนติเมตร หรือได้ถึง 1 เมตร สีใบเขียวขอบนอก กลางใบเป็นริ้วขาวสลับเขียว เป็นหญ้ากอใหญ่ที่ชอบแสงรำไรจนถึงจัด อยู่ในแดด 4-5 ชั่วโมง ทนแล้ง แม้ดินแห้งก็ยังชูใบและดอก ดอกเป็นแฉกแตกตรงปลายหลายเส้นเช่นเดียวกับดอกของหญ้าด่างออสเตรเลีย ควรตัดแต่งทุก 6-8 เดือน และอย่าปลูกใกล้น้ำตกหรือรดน้ำจากสปริงเกลอร์นานเกินควร
9.หญ้าสีน้ำตาล
(Copper Sedge, Weeping Brown New Zealand Sedge)เป็นกกชนิดหนึ่งแต่เนื่องจากมีลักษณะของทรงต้นคล้ายหญ้าจึงเรียกกันว่าหญ้าใบเรียวเล็ก ยาวประมาณ 30-50 เซนติเมตร ใบสีน้ำตาลลักษณะคล้ายเชือกขนาดเล็ก ปลายใบลู่ลงพื้น กอแน่นแตกใบเรียงเวียนสลับกันเหมาะจะปลูกเป็นไม้คลุมดินหรือบริเวณที่ต้องการผิวสัมผัสละเอียดเพื่อตัดกับสีเขียวของพรรณไม้ชนิดอื่น
*ต้นไม้ดีไม่ตกยุค*
ไม้กลุ่มนี้มีหลากหลายพันธุ์ มีคุณสมบัติที่ดีหลายด้าน เช่น ให้ดอกสวย ใบงาม ทรงต้นเด่น ให้ร่มเงา ทุกต้นที่คัดเลือกมาให้ชมล้วนเลี้ยงง่าย ไม่ต้องดูแลมากนัก ทั้งยังอยู่ในความนิยมอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พบได้ในสวนแทบทุกแห่งทั่วเมืองไทย
10.แพรเซี่ยงไฮ้ เป็นไม้อวบน้ำคลุมดินที่เติบโตเร็ว แต่ไม่ลุกลามรุงรัง ทำเป็นไม้กระถางแขวนหรือปลูกในกระถางทรงอ่างเตี้ยกว้างได้ดี ผลิดอกทั้งปี มีหลากสี เช่น ขาว ชมพูด่างขาว ชมพูอ่อน ส้มอ่อน แดง ปลูกแทรกก้อนหินในสวน ปลูกตามขอบถนน ในกระบะหน้าบ้าน ริมรั้ว ตลอดจนในสวนหิน สวนทะเลทราย สวนเมดิเตอร์เรเนียน สวนโมเดิร์น หรือสวนบนระเบียง ชอบแสงจัด อยู่ได้ในดินทรายจนถึงดินร่วน ทนแล้งแต่ไม่เหมาะกับบริเวณน้ำขังเฉอะแฉะ
11.ชวนชม ไม้จากทะเลทรายต้นนี้เข้ามาอยู่ในบ้านเรานานหลายสิบปีแล้ว ปัจจุบันได้รับความนิยมมากเพราะมีพันธุ์ลูกผสมใหม่ๆ แปลกๆ ให้ดอกหลากสี ตกแต่งบ้านและสวนได้น่ามอง เหมาะกับสวนหิน สวนทะเลทราย สวนโมเดิร์น และจัดวางบนระเบียงอาคารสูงได้ดี ชอบแสงจัด และดินระบายน้ำดี ไม่ควรจัดปลูกในมุมน้ำขัง เพราะอาจเน่าตาย การปลูกในสวนอาจฝังลงทั้งกระถาง รองก้นหลุมและรอบกระถางด้วยกรวด หิน วัสดุไม่ซึมซับน้ำ หรือปลูกบนเนินที่ระบายน้ำได้ดีและเร็ว
12.ลิ้นมังกร หรือ Sansevieria ที่นักเล่นไทยเรียกย่อๆว่า “แซน” ด้วย เป็นไม้อวบน้ำชนิดหนึ่ง ส่วนใหญ่มีถิ่นกำเนิดในพื้นที่แห้งแล้งฝั่งตะวันออกของแอฟริกาจนถึงคาบสมุทรอาหรับ เกาะมาดากัสการ์ อินเดีย ศรีลังกา และพม่า ด้วยความทนทานและปรับสภาพได้ดี ตลอดจนความหลากหลายของขนาดต้น ลักษณะทรงและสีสันใบ รวมทั้งลวดลายสีด่างแปลกตา จึงเป็นที่นิยมทั้งในบ้านเราและต่างประเทศ แม้เป็นไม้ทนแล้งอยู่ในดินทรายแต่ปรับเลี้ยงในน้ำได้ เช่น ว่านงาช้าง โดยตัดรากเก่าออก ผึ่งจนแผลแห้งวางโคนปริ่มน้ำ เปลี่ยนน้ำบ่อยๆในระยะแรก รากใหม่จะเลี้ยงต้นในน้ำได้ เติมสารอาหารบ้าง ลิ้นมังกรทุกพันธุ์ปรับวิธีเลี้ยงได้ การปลูกเป็นไม้กระถางเหมาะกับแสงรำไรในอาคารจนถึงแสงจัด เป็นไม้ที่ปลูกได้ในสวนทุกสไตล์ เลือกจากรูปทรงและขนาดต้น เหมาะมากกับสวนทะเลทราย สวนหิน สวนระเบียง จนถึงสวนโมเดิร์น ขยายพันธุ์ได้ง่ายตั้งแต่ตัดใบชำ แยกหน่อ เพาะเมล็ด
13.โกสน ไม้พุ่มใบสีสวยต้นนี้นิยมเลี้ยงกันในบ้านเราตั้งแต่โบราณ เดิมเรียก “โกรต๋น” ตามชื่อภาษาอังกฤษ เลี้ยงง่าย แข็งแรง ทนทาน เหมาะจะเป็นไม้กระถางจนถึงอยู่ในสวน เหมาะกับการปลูกในสวน ปลูกเป็นแนวริมรั้ว กำแพง ปลูกเป็นกลุ่มหรือแปลง ตลอดจนใช้เป็นจุดเด่นในสวน ยอดหรือใบใช้ปักแจกันตกแต่งบ้านโดยไม่ต้องแซมดอกไม้ได้ดี โกสนส่วนใหญ่ชอบแสงจัด แต่พอปรับตัวอยู่ได้ในแสงรำไร บางพันธุ์ที่สีสดลดลง หรือกิ่งก้านยืดอ่อน ควรย้ายให้ได้แสงมากขึ้น เหมาะกับดินร่วนระบายน้ำดี ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ปักชำกิ่ง
14.หมากผู้หมากเมีย จัดเป็นไม้พุ่มใบสวยซึ่งมีความหลากหลายของใบ สีสัน และลวดลาย ขนาดต้นตั้งแต่เล็กแคระไปจนถึงต้นสูง บางสายพันธุ์สูงได้ถึง 2 เมตรหรือกว่า ขึ้นอยู่กับอายุและความสมบูรณ์ด้วย หมากผู้หมากเมียอยู่ได้ตั้งแต่แสงรำไรจนถึงแสงจัด แสงแดดและอุณหภูมิเป็นปัจจัยที่ทำให้สีสันของใบเปลี่ยนแปลงได้ เช่น ไม้ต้นนี้ชนิดเดียวกันแต่ปลูกในกรุงเทพฯกับปลูกที่เชียงใหม่ สีใบของต้นที่เชียงใหม่จะสวยสดเข้มกว่า เรื่องของดิน ใช้ดินร่วนระบายน้ำดีเหมาะที่สุด ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด แยกหน่อ ตัดยอดชำ หั่นลำต้นเป็นท่อนๆ ชำ ไม้ชนิดนี้เหมาะทั้งทำเป็นไม้กระถางหรือปลูกลงดินในสวน โดยจัดเป็นแนวตามริมรั้ว ปลูกเป็นกลุ่มในสวนธรรมชาติ ใช้เป็นจุดเด่นในสวน แทรกก้อนหิน และมุมที่ต้องการสีสัน เนื่องจากเส้นสายโดดเด่นของลำต้นและเรือนยอดสีสวย จึงใช้ในสวนโมเดิร์น สวนหินได้ด้วย ตลอดจนสวนระเบียงและดาดฟ้า
15.ปีบ เป็นไม้ยืนต้นพื้นเมืองตามชายเขา หัวไร่ปลายนาที่สูงได้ถึง 10 เมตร ผลิดอกขาวก้านยาวเป็นช่อห้อยย้อยกลิ่นหอมหวานเย็นใจ ดอกร่วงนำมาปักแจกันเล็กๆรวมกันให้ห้องหอมแทนสเปรย์เคมีปรับอากาศ เรามักพบปีบขึ้นเป็นกลุ่มเล็กๆ ลำต้นตรงชะลูดไม่ใหญ่นักหุ้มด้วยเปลือกหนาแตกเป็นริ้วร่อง คุณสมบัติคล้ายไม้ก๊อกที่หนานุ่ม ป้องกันแกนในจากความหนาวเย็นและอุณหภูมิเปลี่ยนแปลง โคนต้นมักมีไหลงอกแตกออกเป็นต้นใหม่ๆ จึงพบปีบขึ้นเป็นกลุ่มกอสวยงาม เหมาะกับสวนแนวธรรมชาติ ปลูกริมรั้ว ปลูกเป็นกลุ่มใกล้บ้านหรือาคารเพื่อให้ได้กลิ่นหอมของดอกจากชั้นบน การปลูกในสวนน้ำต้องระวังไม่ให้อยู่ในที่ลุ่ม หรือติดชายน้ำโดยตรง เพราะชอบขึ้นในที่ค่อนข้างแห้งระบายน้ำดีเช่นชายเขาตามธรรมชาติ
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง http://www.baanlaesuan.com/54404/plant-scoop/strong_plants-2/3